“หนี้สิน” ดูเหมือนจะเป็นเงาตามติดชีวิตประจำวันของหลาย ๆ คนในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้บ้าน หากปล่อยให้ปัญหาหนี้สินลุกลาม อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความสุขได้อย่างมาก
“การปรับโครงสร้างหนี้” จึงเป็นทางออกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่กำลังเผชิญกับภาระหนี้สินเกินกำลัง การปรับโครงสร้างหนี้เปรียบเสมือนการเริ่มต้นชีวิตใหม่ทางการเงิน ช่วยให้คุณสามารถจัดการหนี้สินได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเครียดที่เกิดจากปัญหาหนี้ลงได้ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ จะพาคุณไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่ความหมาย วิธีการ ข้อควรพิจารณา และคำแนะนำต่าง ๆ เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจได้อย่างรอบคอบว่าการปรับโครงสร้างหนี้เหมาะสมกับคุณหรือไม่
ปรับโครงสร้างหนี้คืออะไร?
การปรับโครงสร้างหนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระหนี้เดิม เช่น ลดอัตราดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาการชำระ หรือลดจำนวนเงินที่ต้องชำระต่อเดือน เพื่อให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของผู้กู้ในปัจจุบันมากขึ้น เพื่อช่วยให้ผู้กู้สามารถทยอยชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมายตามมา
ทำไมต้องปรับโครงสร้างหนี้?
- ลดภาระหนี้: ช่วยลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน ทำให้มีเงินเหลือไปใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้มากขึ้น
- ป้องกันหนี้เสีย: การผิดนัดชำระหนี้จะส่งผลเสียต่อเครดิตบูโร อาจถูกฟ้องร้อง หรือถูกยึดทรัพย์ที่ใช้เป็นหลักประกันของหนี้ได้ การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านี้ได้
- สร้างวินัยทางการเงิน: การปรับโครงสร้างหนี้จะช่วยให้ผู้กู้มีวินัยในการชำระหนี้มากขึ้น และสามารถวางแผนการเงินในระยะยาวได้ดีขึ้น
วิธีการปรับโครงสร้างหนี้
- ติดต่อสถาบันการเงิน: ขั้นตอนแรกคือการติดต่อสถาบันการเงินที่ให้กู้ยืม เพื่อแจ้งความประสงค์ในการขอปรับโครงสร้างหนี้ พร้อมทั้งนำเอกสารที่เกี่ยวข้องหรือหลักฐานสัญญาณปัญหาหนี้กับทางบริษัทฯ เพื่อประกอบการพิจารณา
- เจรจาต่อรอง: ผู้กู้และสถาบันการเงินจะร่วมกันเจรจาเพื่อหาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ย การขยายระยะเวลาการชำระ หรือการพักชำระหนี้บางส่วน
- ทำสัญญาใหม่: เมื่อตกลงกันได้แล้ว จะมีการทำสัญญาฉบับใหม่เพื่อบันทึกเงื่อนไขการชำระหนี้ที่ปรับเปลี่ยนแล้ว
ประเภทของการปรับโครงสร้างหนี้
- การขยายระยะเวลาชำระหนี้: การยืดระยะเวลาการชำระหนี้ออกไป ทำให้ยอดผ่อนชำระต่อเดือนลดลง แต่ระยะเวลาในการชำระหนี้จะยาวนานขึ้น
- การลดอัตราดอกเบี้ย: การลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องชำระ
- การพักชำระเงินต้น: ชั่วคราวระยะหนึ่ง ผู้กู้จะชำระเฉพาะดอกเบี้ยเท่านั้น
- การเปลี่ยนประเภทหนี้: เช่น เปลี่ยนจากหนี้บัตรเครดิตเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อบ้านแลกเงิน สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า
ข้อควรพิจารณาก่อนตัดสินใจปรับโครงสร้างหนี้
- ศึกษาเงื่อนไขสัญญาใหม่ให้ละเอียด: ตรวจสอบอัตราดอกเบี้ยใหม่ ค่าธรรมเนียมต่าง ๆ และระยะเวลาการชำระหนี้ให้ชัดเจน
- เปรียบเทียบข้อเสนอจากหลายๆ แห่ง: เพื่อเลือกข้อเสนอที่เหมาะสมที่สุด
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเพื่อขอคำแนะนำ
ป้องกันปัญหาหนี้สิน
- วางแผนการเงิน: วางแผนการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับรายได้
- ออมเงิน: สร้างเงินสำรองเผื่อใช้ในยามฉุกเฉิน
- หลีกเลี่ยงการก่อหนี้เกินตัว: กู้ยืมเงินเท่าที่จำเป็นและมีความสามารถในการชำระคืน
- ชำระหนี้ตรงเวลา: การบริหารหนี้และชำระหนี้ตรงเวลาจะช่วยสร้างเครดิตที่ดี หรือหากมีเงินก้อนก็สามารถจ่ายปิดหนี้ เพื่อไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนดได้
ถ้าเคยปรับโครงสร้างหนี้แล้ว สามารถขอปรับซ้ำอีกได้หรือไม่?
จากมาตรการแก้หนี้ยั่งยืน ตามหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) ระบุให้ผู้บริการต้องเสนอแนวทางการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ โดยต้องเสนอแผนให้ลูกหนี้มีสิทธิขอปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนเป็นหนี้เสีย อย่างน้อย 1 ครั้ง และหลังเป็นหนี้เสีย อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยนับรวมการปรับโครงสร้างหนี้ก่อน 1 ม.ค. 67 ดังนั้นหากคุณเคยขอปรับโครงสร้างหนี้มาแล้ว 1 ครั้ง แต่ตอนนี้จ่ายไม่ไหวกลายเป็นหนี้เสีย ยังสามารถขอปรับโครงสร้างหนี้ได้อีก 1 ครั้ง แต่หากเคยปรับโครงสร้างหนี้ทั้งก่อนและหลังเป็นหนี้เสียแล้ว ยังสามารถปรึกษาเจ้าหนี้ได้เป็นรายกรณี
การปรับโครงสร้างหนี้เป็นทางออกที่ดีสำหรับผู้ที่กำลังประสบปัญหาหนี้สิน แต่ควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่เหมาะสมกับความสามารถในการชำระหนี้ของตนเอง การวางแผนการเงินที่ดีและการมีวินัยในการชำระหนี้ จะช่วยให้คุณสามารถแก้ไขปัญหาหนี้สินและมีชีวิตที่มั่นคงขึ้น หากคุณกำลังมองหาช่องทางติดต่อให้คำปรึกษาหนี้และแก้หนี้ของสถาบันการเงิน สามารถปรึกษาที่ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ศ.ศาลาสีส้ม ติดต่อได้ที่ โทร 1652 หรือ LINE Official @srisawad
หมายเหตุ
- สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.85% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.04% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- สินเชื่อรถบรรทุก อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 19.66% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อรถการเกษตร อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 21.42% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- สินเชื่อบ้านและที่ดิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 14.61% – 15.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 72 งวด
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- เงื่อนไขอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
อ้างอิงข้อมูลจาก: ธนาคารแห่งประเทศไทย