สำหรับพ่อและแม่แล้ว ลูกเป็นดังของขวัญล้ำค่า แต่ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูให้เติบโตได้อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต
ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องรู้ว่าตนเองมีสวัสดิการอะไร ที่มาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้บ้าง ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจจะมาแนะนำให้รู้จักกับสวัสดิการเงินสงเคราะห์บุตรว่าคืออะไร และการรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568 มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เราสรุปให้ได้รู้กันที่นี่เลย
เงินสงเคราะห์บุตรคืออะไร?
เงินสงเคราะห์บุตร เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมจะได้รับ ตามประกาศกฎกระทรวงแรงงาน เรื่อง การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. 2563 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมา และได้มีการปรับอัตราเงินอุดหนุนเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บาท (บังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2568)
สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมจะได้รับ เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันจะจ่ายอยู่ที่ 1,000 บาทต่อเดือนและต่อคน โดยกำหนดจ่ายครั้งละไม่เกิน 3 คนต่อผู้ประกันตน 1 คน
หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568
ในการขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2568 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้
- ผู้มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ลูกจ้างประจำ) และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ) รวมถึงผู้ประกันตนมาตรา 40 (ทางเลือกที่ 3)
- ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
- เงินสงเคราะห์บุตรจะมอบให้แก่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตนเท่านั้น โดยยกเว้นบุตรบุญธรรม หรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
- เงินสงเคราะห์บุตรจะมอบให้แก่บุตรของผู้ประกันตน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์
- ในกรณีที่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย บุตรจะยังมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
เอกสารที่ต้องใช้ยื่นขอรับเงินสงเคราะห์บุตร
เตรียมเอกสารที่ใช้รับประกันสังคมเงินสงเคราะห์บุตรให้ครบถ้วน ดังนี้
1. แบบฟอร์มคำขอรับสิทธิประโยชน์จากประกันสังคม (สปส. 2-01)
2. กรณีเคยขอรับสิทธิบุตรคนเดิม
- หนังสือแจ้งความประสงค์ขอใช้สิทธิบุตรคนเดิม สำหรับผู้ที่กลับมาเป็นผู้ประกันตนใหม่
3. กรณีผู้ประกันตนหญิง
- สำเนาสูติบัตรของบุตร (รวมถึงคู่แฝดถ้ามี)
4. กรณีผู้ประกันตนชาย
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือเอกสารรับรองความเป็นบุตร
- สำเนาสูติบัตรของบุตร (รวมถึงคู่แฝดถ้ามี)
5. เอกสารเพิ่มเติมกรณีพิเศษ
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง)
- สำเนาเอกสารแสดงตนสำหรับชาวต่างชาติ (พาสปอร์ตหรือเอกสารทางราชการ)
- สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคารของผู้ยื่นคำขอ
หมายเหตุ :
- รับรองสำเนาทุกฉบับ
- แปลเอกสารภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทย
- ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมทุกสาขา (ยกเว้นสำนักงานใหญ่)
ขั้นตอนการลงทะเบียนขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568
ในส่วนของขั้นตอนการลงทะเบียนเพื่อรับเงินสงเคราะห์บุตร จะแบ่งออกเป็น 2 วิธี ดังนี้
ลงทะเบียนผ่าน e-Self Service
ผู้ที่มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568 สามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Self Service) โดยมีวิธี ดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์ www.sso.go.th ซึ่งเป็นระบบเว็บไซต์หลักของสำนักงานประกันสังคม
- เลือกเมนู “เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน/สมัครสมาชิก”
- เมื่อเข้าสู่หน้าจอ “ระบบผู้ประกันตน” ให้ผู้ประกันตนกรอกรหัสผู้ใช้งาน (เลขบัตรประจำตัวประชาชน) และรหัสผ่านจากนั้น คลิกปุ่ม “เข้าสู่ระบบ”
- ในกรณีที่ผู้ประกันตนไม่เคยเป็นสมาชิกของระบบผู้ประกันตน จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก่อน โดยคลิก “สมัครสมาชิก”
- เมื่อเข้าสู่ระบบผู้ประกันตนได้แล้ว ให้เลือกเมนู “ยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service)”
- หลังจากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอของระบบยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service) ให้ผู้ประกันตนตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตนของตัวเอง ข้อมูลการส่งเงินสมทบ ประวัติการขอรับสิทธิประโยชน์ สถานะการทำธุรกรรม และสามารถเลือกยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนได้เลย
ลงทะเบียนผ่านสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ
หากผู้ประกันตนไม่สะดวกขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568 ด้วยการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ สามารถยื่นเรื่องลงทะเบียนรับเงินสงเคราะห์บุตรได้ที่สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร หรือในพื้นที่ที่ตนเองสะดวก
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สายด่วน 24 ชั่วโมง โทร. 1506 หรือเว็บไซต์ www.sso.go.th ในวันและเวลาราชการ (08.30-16.30 น.)
เงินสงเคราะห์บุตรในปี 2568 ในครึ่งปีหลัง จะเข้าวันไหนบ้าง
ในส่วนของวันที่คุณพ่อคุณแม่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2568 จะเป็นช่วงทุก ๆ สิ้นเดือน โดยมีกำหนดการจ่าย ดังนี้ หรือสามารถเข้าไปเช็คเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคมได้ที่เว็บไซต์ www.sso.go.th เพื่ออัปเดตข่าวสาร และประกาศต่าง ๆ ได้ทันที
- เดือนมกราคม : วันศุกร์ที่ 31
- เดือนกุมภาพันธ์ : วันศุกร์ที่ 28
- เดือนมีนาคม : วันจันทร์ที่ 31
- เดือนเมษายน : วันพุธที่ 30
- เดือนพฤษภาคม : วันศุกร์ที่ 30
- เดือนมิถุนายน : วันจันทร์ที่ 30
- เดือนกรกฎาคม : วันพฤหัสบดีที่ 31
- เดือนสิงหาคม : วันศุกร์ที่ 29
- เดือนกันยายน : วันอังคารที่ 30
- เดือนตุลาคม : วันศุกร์ที่ 31
- เดือนพฤศจิกายน : วันศุกร์ที่ 28
- เดือนธันวาคม : วันพุธที่ 31
ทั้งหมดนี้ คือทุกเรื่องเกี่ยวกับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2568 ที่พ่อแม่ควรต้องรู้ แต่เชื่อว่าสำหรับพ่อแม่ที่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเข้ามาไม่เว้นวัน การรอรับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2568 อย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะหมุนเงินมาใช้จ่ายให้ลูกไม่ทัน สามารถมาขอสินเชื่อไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนได้ที่ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ เราให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ หมุนเงินได้ทันใจ มีใช้ยามจำเป็น สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศ. ศาลาสีส้มทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.sawad.co.th หรือจะทักมาคุยกันใน LINE Official: @srisawad ก็ได้ หรือถ้าอยากคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง โทร. 1652 ได้เลย
หมายเหตุ :
- สินเชื่อรถมอเตอร์ไซค์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.04% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.85% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อบ้านที่ดิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 14.61% – 15.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 72 งวด
- สินเชื่อรถบรรทุก อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 19.66% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อรถการเกษตร อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 21.42% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- เงื่อนไขอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด