หน้าร้อนแบบนี้ ก็ทำให้ร่างกายของเราเจ็บป่วยได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม ที่ถือเป็นช่วงอากาศร้อนจัดของทุกปี ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ มีเคล็ดลับที่จะช่วยคลายร้อนให้ทุกคนเมื่อต้องทำกิจกรรมกลางแจ้งหรืออยู่ท่ามกลางอากาศร้อนจัดมาฝากกัน จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
1) จิบน้ำบ่อย ๆ ทดแทนเหงื่อที่เสียไป
เมื่ออากาศร้อน ร่างกายของเราจะขับเหงื่อออกมาเพื่อรักษาอุณหภูมิร่างกาย ดังนั้นควรดื่มน้ำเพื่อช่วยทดแทนเหงื่อที่เสียไป ปกติแล้วเราควรดื่มน้ำประมาณ 6-8 แก้วต่อวัน แต่ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ควรเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำ ไม่ต้องดื่มมากในครั้งเดียว แต่ควรจิบเป็นระยะ ๆ สำหรับคนที่ต้องทำงานนอกห้องหรือในที่ที่อากาศร้อนอาจพกน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องมาดื่มเสมอ เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและไม่เหนื่อยจากการสูญเสียเหงื่อ โดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งหรือออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน
2) ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
สำหรับคนที่เป็นผดผื่นง่ายและต้องทำงานท่ามกลางอากาศร้อน การใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เช่น เสื้อสีอ่อนที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย หรือ ผ้าลินิน จะช่วยลดการเกิดผดผื่นได้ และยังช่วยระบายความร้อน ไม่อับเหงื่อ ควรหลีกเลี่ยงเสื้อผ้าสีเข้ม หรือเสื้อผ้าที่พอดีตัวจนเกินไป ซึ่งจะดูดความร้อน ทำให้รู้สึกอึดอัดและระบายเหงื่อได้ยาก
3) ทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2 ชม.
แสงแดดแผดเผาขนาดนี้ ถ้าเราอยู่กลางแจ้งแล้วไม่ทากันแดดจะมีผลเสียตามมาหลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ผิวไหม้ เนื่องจากเซลล์ผิวถูกทำลาย สีผิวหมองคล้ำ ขาดความสม่ำเสมอ ปัญหาฝ้า กระ จุดด่างดำ ใบหน้าเกิดริ้วรอยดูเป็นคนมีอายุ และยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนังในอนาคตได้อีกด้วย
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันไว้ก่อน เราจึงควรศึกษาวิธีทาครีมกันแดดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้อย่างสมบูรณ์ สามารถทำได้ดังนี้
- ทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15-30 นาที และทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมง
- ควรเลือกครีมกันแดดสูตรกันน้ำ และทาเป็นขั้นตอนแรกก่อนแต่งหน้า รอให้กันแดดซึมลงผิวก่อนแล้วจึงค่อยทาครีมตัวอื่น ๆ
- ไม่ควรใช้ครีมกันแดดที่ซื้อมาเกิน 3 ปี
- เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน ไม่ควรใช้ครีมกันแดด
4) หลีกเลี่ยงแดดจัดช่วงเวลา 12.00-15.00 น.
สำหรับคนที่ต้องทำงานกลางแจ้งแล้ว หากเป็นไปได้ ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ช่วงเวลา 12.00-15.00 น.เพราะมีรังสี UVB อยู่เข้มข้น ทำให้ผิวถูกเผาไหม้ได้มากกว่าช่วงเวลาอื่น ไม่ควรตากแดดติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรสลับการทำงานและพักเป็นระยะ โดยให้พักในสถานที่ที่มีอากาศเย็น มีการระบายอากาศที่ดี ควรกางร่ม ใส่แว่นตากันแดด ใส่หมวกปีกกว้าง และทาครีมกันแดดตามที่ระบุไปในข้อที่แล้ว นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการกินยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก เมื่อต้องทำงานท่ามกลางสภาพอากาศร้อนหรืออยู่กลางแดดเป็นเวลานานๆ เพื่อลดโอกาสการเป็นลมแดด
5) อย่ารีบเข้าห้องแอร์ทันที
กรณีที่ทำงานหรือเดินออกไปอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน การรีบเข้าห้องแอร์ทันที จะทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน จนอาจเป็นไข้ได้ หรือที่น่ากลัวที่สุด คือ อาการฮีทสโตรก ซึ่งเกิดจากภาวะที่ร่างกายมีอุณหภูมิสูงมากกว่า 40 องศาเซลเซียส จนทำให้เกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถปรับตัวได้ อาจก่อให้เกิดการหมดสติ หรือ มีภาวะชักได้
6) ทานอาหารสุกใหม่
เพื่อหลีกเลี่ยงโรคสุดฮิตในหน้าร้อนอย่าง อาหารเป็นพิษ เพราะอากาศร้อนทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดีจึงเกิดการปนเปื้อนได้ง่าย หากเป็นอาหารประเภทแกงต้องเดือดอย่างน้อย 5 นาที และ อาหารที่ปรุงสุกแล้วควรเก็บใส่ตู้เย็นภายใน 3 ชั่วโมง กรณีที่ตั้งวางไว้เชื้อโรคจะมีการเพิ่มจำนวนหรืออาจสร้างสารพิษขึ้นมาในช่วงนั้นได้ และเมื่อรับประทานอาหารไปแล้วเกิดอาการท้องเสีย มีไข้ อาเจียนต่อเนื่อง ควรรีบไปพบแพทย์โดยทันที
7) งดดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอากาศร้อนทำให้เส้นเลือดฝอยขยายตัว ร่างกายสูญเสียน้ำ-เกลือแร่มากขึ้น หัวใจทำงานหนัก เมื่อเราดื่มแอลกอฮอล์ แอลกฮอลล์จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดเร็วขึ้น จนอาจเกิดอาการช็อคได้ นอกจากนี้เครื่องดื่มต่าง ๆ ที่มีน้ำตาลสูง จะทำให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญจนอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น ทั้งยังอาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนเกิดอันตรายได้ในผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือมีโรคประจำตัว และเกิดการปัสสาวะมากขึ้น จนสูญเสียน้ำเช่นเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้
ถึงจะหน้าร้อนแบบนี้ แต่เราก็สามารถดูแลรักษาร่างกายไม่ให้ป่วยไปพร้อมกับอากาศได้ นอกจากนี้สำหรับใครที่ต้องการเงินก้อน ไม่ต้องร้อนใจ เพราะศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ช่วยได้ ให้วงเงินสูง ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ต้องเตรียมเอกสารเยอะ มีสินเชื่อให้เลือกหลากหลาย มากกว่า 5,500 สาขาทั่วไทยใกล้บ้านคุณ หรือสมัครผ่านทางแอปพลิเคชั่นศรีสวัสดิ์ หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่โทร 1652 หรือ LINE Official @srisawad