SAWAD โค้งแรกปี 66 ทำกำไรเด่น 1,321 ล้านบาท รายได้โตไม่หยุด 3,960 ลบ. ดันพอร์ตสินเชื่อคงค้างแตะระดับ 68,000 ลบ. ด้านผู้บริหาร ธิดา แก้วบุตตา ชี้ผลงานไตรมาสแรกของปีเป็นไปตามเป้าหมายหลังกลับมาโฟกัสการขยายตัวพอร์ตสินเชื่อ ฟากบอร์ดเคาะซื้อ ‘เงินสดทันใจ’ คืน หนุนการเติบโตพอร์ตสินเชื่อรอบใหม่ตามเป้า 30%
ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2566 ของบริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 1,320.88 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,117.89 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยราว 3,107..71 ล้านบาท และรายได้อื่นราว 852.13 ล้านบาท รวมรายได้อยู่ที่ 3,959.84 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 57.18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตทั้งรายได้และกำไรมาจากการปล่อยสินใหม่ของบริษัทเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเงินไปใช้ในการหมุนเวียนธุรกิจและชีวิตประจำวัน ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 อยู่ที่ระดับ 68,000 ล้านบาท นับเป็นการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อรอบใหม่ หลังจากที่บริษัทได้ชะลอการปล่อยสินเชื่อในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด
“นโยบายการทำธุรกิจของเราในช่วงโควิดคือเรากลับมาดูแลเรื่องหลังบ้าน และกลับมาโฟกัสเรื่องคุณภาพสินเชื่อ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไป หลังจากสถานการณ์ดีขึ้น เราจึงกลับมาโฟกัสเรื่องการเติบโต จึงทำให้เห็นว่าพอร์ตสินเชื่อขยายตัวมาตั้งแต่ปี 2565 โดยไตรมาสแรกปีนี้ สินเชื่อคงค้างเราเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 1 หมื่นล้านบาทจากสิ้นปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 68,000 ล้านบาท นับพอร์ตสินเชื่อจากบริษัทในเครือทั้งหมด ยกเว้น บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด จะเห็นได้ว่าการเติบโตของพอร์ตที่เพิ่มขึ้น ส่งเสริมให้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเราคาดหมายว่าไตรมาส 2 จะยังโตได้ต่อเนื่อง เพื่อให้พอร์ตสินเชื่อเป็นไปตามเป้าทั้งปีที่เราวางไว้ที่ 20-30% และเราจะดูแลเรื่องคุณภาพ NPL อย่างใกล้ชิด เพื่อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ไม่เกิน 3-4%” ธิดา กล่าว
นอกจากนี้บริษัทได้ออกหุ้นกู้มีประกันเพื่อนำเงินมาใช้ในการขยายการเติบโตรอบใหม่ โดยได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ขณะเดียวกันที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติเข้าซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด จำนวน 4,900,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 306 บาท โดยเป็นการซื้อคืนจากธนาคารออมสินตามสัญญาที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่แรก และจะขอมติจากผู้ถือหุ้นในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ในวันที่ 23 มิถุนายนนี้ ทั้งนี้การซื้อคืน บริษัทจะดำเนินการปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ด้วยอัตราปกติไม่เกิน 18% เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงสินเชื่อด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม