บทความ > ประมาทร่วม คืออะไร ใครต้องรับผิดชอบ พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง
ประมาทร่วม คืออะไร ใครต้องรับผิดชอบ พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง
ประมาทร่วม คืออะไร ใครต้องรับผิดชอบ พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง

สนใจขอสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติไว


ข้าพเจ้าให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าในการติดต่อเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ


สนใจทำประกัน ผ่อนเงินสด ไม่มีดอกเบี้ย

ข้าพเจ้าให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าในการติดต่อเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ


ประมาทร่วม คืออะไร ใครต้องรับผิดชอบ พร้อมวิธีรับมือที่ถูกต้อง

อุบัติเหตุบนท้องถนนมักเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหลายครั้งที่เราได้ยินคำว่า “ประมาทร่วม” ในการสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุ ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนว่าใครควรเป็นฝ่ายรับผิดชอบในกรณีนี้ ประกันภัยจะให้ความคุ้มครองหรือไม่ และต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ จะมาอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับประมาทร่วม ทั้งในแง่ของกฎหมาย การรับผิดชอบในกรณีต่าง ๆ และความคุ้มครองจากประกันภัยที่คุณควรรู้กัน

ประมาทร่วม คืออะไร ทำความเข้าใจอย่างละเอียด

ประมาทร่วม คือ เหตุการณ์หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากความประมาทของทั้งสองฝ่าย โดยในทางกฎหมายมักใช้คำว่า “ต่างฝ่ายต่างประมาทไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน” หมายความว่าทั้งคู่มีความประมาท จนกลายเป็นชนวนให้เกิดอุบัติเหตุ จึงต้องร่วมกันรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม มีข้อสังเกตที่สำคัญคือ ในทางกฎหมายไม่มีคำว่า “ประมาทร่วม” อย่างเป็นทางการ เนื่องจากคำว่า “ร่วม” อาจสื่อถึงการกระทำโดยเจตนา ดังนั้นกฎหมายจึงใช้คำว่า “ต่างคนต่างประมาท” ซึ่งมีความหมายที่ชัดเจนมากกว่า

กรณีตัวอย่างที่ถือเป็นประมาทร่วม

เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ลองมาดูตัวอย่างของเหตุการณ์ที่ถือว่าเป็นประมาทร่วมในชีวิตประจำวัน

  • อุบัติเหตุบริเวณทางแยก : รถสองคันขับมาถึงทางแยกพร้อมกัน ทั้งสองฝ่ายต่างไม่ยอมให้ทาง หรือขับด้วยความเร็ว จนเบรกไม่ทันและเกิดการชนกัน
  • การปาดหน้ากันบนท้องถนน : รถยนต์สองคันขับคู่กันมา และต่างฝ่ายต่างเบียดหรือปาดหน้ากัน จนในที่สุดเกิดการเฉี่ยวชน
  • รถจักรยานยนต์กับรถยนต์ : รถจักรยานยนต์ขับแซงซ้ายในขณะที่รถยนต์เปิดประตูโดยไม่ดูก่อน ทำให้เกิดอุบัติเหตุ
  • อุบัติเหตุในที่จอดรถ : รถสองคันถอยออกจากที่จอดพร้อมกันโดยไม่สังเกตว่ามีรถอีกคันกำลังถอยออกมาเช่นกัน

สิ่งที่เห็นได้ชัดในกรณีประมาทร่วมเหล่านี้คือ ทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ซึ่งหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งระมัดระวังมากกว่านี้ อุบัติเหตุก็อาจไม่เกิดขึ้น

การพิสูจน์ความผิดในกรณีประมาทร่วม

การพิสูจน์ว่าเป็นกรณีประมาทร่วมหรือไม่นั้น มีขั้นตอน ดังนี้

  • ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ : เจ้าหน้าที่ตำรวจจะตรวจสอบสภาพถนน รอยล้อ ตำแหน่งรถ และหลักฐานทางกายภาพอื่นๆ
  • รวบรวมพยานหลักฐาน : ทั้งพยานบุคคล ภาพจากกล้องวงจรปิด หรือกล้องติดรถยนต์ รวมถึงร่องรอยความเสียหายของรถ
  • สอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง : คู่กรณีและพยานในที่เกิดเหตุจะถูกสอบปากคำเพื่อประกอบการพิจารณา
  • ตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎจราจร : พิจารณาว่าฝ่ายใดฝ่าฝืนกฎจราจรบ้าง เช่น ขับเร็วเกินกำหนด ไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยว 
  • หากพบว่าทั้งสองฝ่ายมีส่วนในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุโดยไม่มีฝ่ายใดผิดชัดเจนกว่ากัน ก็จะถูกตัดสินว่าเป็นกรณีประมาทร่วมตามกฎหมาย

การรับผิดชอบในกรณีต่าง ๆ จากเหตุประมาทร่วม

การรับผิดชอบในกรณีต่าง ๆ จากเหตุประมาทร่วม

เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถูกตัดสินว่าเป็นประมาทร่วม การรับผิดชอบจะแตกต่างกันไปตามลักษณะของความเสียหายและเงื่อนไขต่างๆ มาดูกันว่าแต่ละกรณีมีการรับผิดชอบอย่างไร

กรณีมีผู้บาดเจ็บ

ในกรณีประมาทร่วมคู่กรณีบาดเจ็บสาหัส จะมีการรับผิดชอบ ดังนี้

  • การเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น : ผู้บาดเจ็บสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นได้จาก พ.ร.บ. รถยนต์ โดยจะได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
  • ประกันภัยภาคสมัครใจ : หากมีการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ผู้บาดเจ็บยังอาจได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • การรับผิดชอบร่วมกัน : ในกรณีที่ทั้งสองฝ่ายรับว่าเป็นการประมาทร่วม ต่างฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในส่วนของตนเอง
  • ความรับผิดต่อบุคคลที่สาม : หากมีบุคคลที่สามได้รับความเสียหาย ทั้งสองฝ่ายจะต้องร่วมกันรับผิดชอบต่อความเสียหายนั้น

ในกรณีประมาทร่วมคู่กรณีไม่ยอม อาจต้องมีการพูดคุยไกล่เกลี่ย หรือให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาช่วยตัดสิน ซึ่งการมีหลักฐานเช่นกล้องหน้ารถจะช่วยยืนยันความจริงได้ดี

กรณีมีผู้เสียชีวิต

ในกรณีประมาทร่วมคู่กรณีเสียชีวิต จะมีการรับผิดชอบที่ซับซ้อนมากขึ้น

  • ค่าชดเชยเบื้องต้น : ทายาทของผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าชดเชยเบื้องต้นจาก พ.ร.บ. รถยนต์ 35,000 บาทต่อคน
  • ประกันภัยภาคสมัครใจ : อาจมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิตตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • ความรับผิดทางอาญา : อาจมีการพิจารณาความรับผิดทางอาญาในกรณีประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
  • การชดใช้ทางแพ่ง : อาจมีการเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งเพิ่มเติม เช่น ค่าขาดไร้อุปการะ

ในกรณีร้ายแรงเช่นนี้ คู่กรณีที่ยังมีชีวิตอยู่ควรปรึกษาทนายความเพื่อให้คำแนะนำทางกฎหมายที่เหมาะสม

กรณีไม่มี พ.ร.บ. หรือประกัน

ในกรณีประมาทร่วมคู่กรณีไม่มี พ.ร.บ. หรือประกัน จะมีผล ดังนี้

  • ไม่ได้รับความคุ้มครองขั้นพื้นฐาน : คู่กรณีที่ไม่มี พ.ร.บ. จะไม่ได้รับความคุ้มครองขั้นพื้นฐานตามกฎหมาย และไม่สามารถเบิกจาก พ.ร.บ. ของฝ่ายตรงข้ามได้
  • ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง : ทั้งค่าซ่อมรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายอื่นๆ ต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด
  • มีโทษปรับ : การไม่มี พ.ร.บ. ยังมีโทษปรับตามกฎหมายอีกด้วย

ดังนั้น การทำ พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีเกิดอุบัติเหตุประมาทร่วม

กรณีไม่มีใบขับขี่

ในกรณีประมาทร่วมคู่กรณีไม่มีใบขับขี่ จะมีผล ดังนี้

ความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. : แม้ไม่มีใบขับขี่ แต่ยังได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. รถยนต์ เนื่องจาก พ.ร.บ. คุ้มครองตัวบุคคลไม่ใช่ยานพาหนะ

  • ประกันภัยภาคสมัครใจ : บริษัทประกันอาจปฏิเสธการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหากพบว่าผู้ขับขี่ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ตามเงื่อนไขในกรมธรรม์
  • มีโทษตามกฎหมาย : การไม่มีใบขับขี่ยังเป็นการกระทำผิดกฎหมายจราจร ซึ่งมีโทษปรับ

การมีใบขับขี่ที่ถูกต้องนอกจากจะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายแล้ว ยังช่วยให้ได้รับความคุ้มครองจากประกันภัยอย่างเต็มที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

ความคุ้มครองจากประกันแต่ละประเภทที่ควรรู้

ความคุ้มครองจากประกันแต่ละประเภทที่ควรรู้

เมื่อเกิดอุบัติเหตุประมาทร่วม ความคุ้มครองจากประกันรถยนต์แต่ละประเภทมีความแตกต่างกัน มาทำความเข้าใจกันว่าประกันแต่ละประเภทให้ความคุ้มครองในกรณีประมาทร่วมอย่างไร

ประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.)

พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ เป็นประกันภัยภาคบังคับที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี โดยมีความคุ้มครองในกรณีประมาทร่วม ดังนี้

  • ค่ารักษาพยาบาล : คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน
  • ค่าชดเชยกรณีสูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพถาวร : คุ้มครองไม่เกิน 35,000 บาทต่อคน
  • ค่าชดเชยกรณีเสียชีวิต : คุ้มครองไม่เกิน 35,000 บาทต่อคน

ข้อสำคัญคือ พ.ร.บ. จะคุ้มครองความเสียหายต่อชีวิตและร่างกายเท่านั้น ไม่คุ้มครองความเสียหายต่อทรัพย์สิน และในกรณีประมาทร่วม แต่ละฝ่ายจะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ. ของตนเอง

ประกันภาคสมัครใจชั้น 1

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด ในกรณีประมาทร่วมจะมีความคุ้มครอง ดังนี้

  • ความเสียหายต่อตัวรถ : สามารถเคลมค่าซ่อมรถได้แม้เป็นฝ่ายผิด แต่อาจไม่ได้รับยอดค่าซ่อมเต็มจำนวนในกรณีประมาทร่วม
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก : คุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอกทั้งชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สิน
  • คุ้มครองผู้ขับขี่และผู้โดยสาร : คุ้มครองการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถคันเอาประกัน

ประกันภาคสมัครใจชั้น 2+ และ 3+

ประกันรถยนต์ชั้น 2+ และชั้น 3+ เป็นประกันที่คุ้มครองกรณีชนกับยานพาหนะทางบก โดยในกรณีประมาทร่วมจะมีความคุ้มครอง ดังนี้

  • ความเสียหายต่อตัวรถ : คุ้มครองในกรณีรถชนกับยานพาหนะทางบก โดยต้องสามารถระบุคู่กรณีได้
  • ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก : คุ้มครองค่าเสียหายที่เกิดขึ้นกับบุคคลภายนอก เช่นเดียวกับประกันชั้น 1
  • เงื่อนไขสำคัญ : ต้องระบุคู่กรณีได้ และคู่กรณีต้องยอมรับผิด ในกรณีประมาทร่วมอาจมีข้อจำกัดในการเคลม

ค่าเสียหายที่ต้องรับผิดชอบในเหตุประมาทร่วม

ในกรณีเกิดอุบัติเหตุประมาทร่วม มีค่าเสียหายหลายประเภทที่อาจต้องรับผิดชอบ ซึ่งขึ้นอยู่กับประเภทของประกันที่มีและเงื่อนไขกรมธรรม์ โดยค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้น มีดังนี้

  • ค่าซ่อมรถยนต์ของตนเอง : ในกรณีประมาทร่วม แต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบค่าซ่อมรถของตนเอง ยกเว้นมีประกันชั้น 1, 2+ หรือ 3+
  • ค่ารักษาพยาบาล : ค่ารักษาพยาบาลของตนเองและผู้โดยสารในรถ ซึ่งสามารถเบิกจาก พ.ร.บ. และประกันภัยรถยนต์ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • ค่าเสียหายต่อทรัพย์สินอื่น : หากอุบัติเหตุทำให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินอื่นๆ เช่น รั้วบ้าน เสาไฟฟ้า ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน
  • ค่าเสียหายต่อบุคคลภายนอก : หากมีบุคคลที่สามได้รับความเสียหาย ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ

ขั้นตอนการจัดการเมื่อเกิดเหตุประมาทร่วม

เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่อาจเป็นกรณีประมาทร่วม ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเองและจัดการสถานการณ์อย่างเหมาะสม ดังนี้

  1. ตรวจสอบความปลอดภัย : ตรวจสอบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือไม่ และให้ความช่วยเหลือเบื้องต้นหากจำเป็น
  2. แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ : โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและบันทึกรายงาน
  3. รวบรวมหลักฐาน : ถ่ายรูปความเสียหาย ตำแหน่งรถ และสภาพแวดล้อมในที่เกิดเหตุ รวมถึงบันทึกข้อมูลของคู่กรณีและพยาน
  4. แจ้งบริษัทประกัน : แจ้งบริษัทประกันของคุณทันทีเพื่อให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและดำเนินการต่อไป
  5. พูดคุยไกล่เกลี่ย : หากทั้งสองฝ่ายยอมรับว่าเป็นกรณีประมาทร่วม อาจพูดคุยไกล่เกลี่ยเพื่อหาข้อสรุปที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้
  6. ติดตามกระบวนการเคลม : ติดตามการดำเนินการของบริษัทประกันและปฏิบัติตามขั้นตอนที่กำหนด
  7. ปรึกษาทนายความ : ในกรณีที่มีความซับซ้อนหรือมีความเสียหายมูลค่าสูง ควรปรึกษาทนายความเพื่อรักษาสิทธิของคุณ

สรุป ประมาทร่วม คืออะไร ใครต้องรับผิดชอบ

สรุปได้ว่า ประมาทร่วมไม่ใช่สิ่งที่ถูกระบุในทางกฎหมาย และในอุบัติเหตุส่วนใหญ่มักจะต้องหาผู้กระทำผิดให้ได้ หรือหากมีการทำผิดทั้งสองฝ่ายจริง ก็จะเป็นต่างฝ่ายต่างประมาทด้วยกันทั้งคู่ ซึ่งก็จะมีขั้นตอนดำเนินการไปตามกฎหมาย จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมการทำประกันรถยนต์ภาคบังคับอย่าง พ.ร.บ. รถยนต์ หรือประกันภาคสมัครใจจึงสำคัญ

และถ้าคุณกำลังมองหาประกันที่เข้าใจคนรักรถ อย่าลืมว่า ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ พร้อมให้บริการคุณด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปี ทางเรามีและประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ โดยยึดมั่นในการดำเนินงานภายใต้หลัก “มั่นใจ โปร่งใส และถูกกฎหมาย” สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศ. ศาลาสีส้มทุกสาขาใกล้บ้านคุณ หรือแอปพลิเคชัน “ศรีสวัสดิ์” พร้อมทีมงานมืออาชีพคอยให้คำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมงผ่านแอปพลิเคชัน หรือเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ www.sawad.co.th หรือจะทักมาคุยกันใน LINE Official: @srisawad ก็ได้ หรือถ้าอยากคุยกับเจ้าหน้าที่โดยตรง โทร. 1652 ได้เลย 

หมายเหตุ :

  • เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
  • นายหน้าประกันวินาศภัย : บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 2014 จำกัด
  • เลขที่ใบอนุญาต : ว00011/2561
Share This