บทความ > สรุปทุกเรื่องของเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ที่พ่อแม่ควรรู้
เงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ช่วยแบ่งเบาภาระค่าเลี้ยงดูบุตร
สรุปทุกเรื่องของเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ที่พ่อแม่ควรรู้

สนใจขอสินเชื่อ ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติไว


ข้าพเจ้าให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าในการติดต่อเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ


สนใจทำประกัน ผ่อนเงินสด ไม่มีดอกเบี้ย

ข้าพเจ้าให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าในการติดต่อเพื่อเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทฯ


สรุปทุกเรื่องของเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ที่พ่อแม่ควรรู้

วิธีขอรับเงินสงเคราะห์บุตร และวันรับเงินของครึ่งปีหลัง 2566

สำหรับพ่อและแม่แล้ว ลูกเป็นดังของขวัญล้ำค่า แต่ต้องแลกมากับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูให้เติบโตได้อย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต

ด้วยเหตุนี้ คุณพ่อคุณแม่จึงต้องรู้ว่าตนเองมีสวัสดิการอะไร ที่มาช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายได้บ้าง เราจึงจะมาแนะนำให้รู้จักกับสวัสดิการเงินสงเคราะห์บุตรว่าคืออะไร และการรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566 มีเงื่อนไขอย่างไรบ้าง เราสรุปให้ได้รู้กันที่นี่เลย

เงินสงเคราะห์บุตรคืออะไร?

เงินสงเคราะห์บุตร เป็นหนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมจะได้รับ ตามประกาศกฎกระทรวงแรงงาน เรื่อง การจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตร พ.ศ. 2563 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 เป็นต้นมา

สิทธิประโยชน์ที่ผู้ประกันตนในกองทุนประกันสังคมจะได้รับ เป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด เพื่อส่งเสริมให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบันจะจ่ายอยู่ที่ 800 บาทต่อเดือนและต่อคน โดยกำหนดจ่ายครั้งละไม่เกิน 3 คนต่อผู้ประกันตน 1 คน

หลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566

ในการขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 มีหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ดังนี้

  • ผู้มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 (ลูกจ้างประจำ) และผู้ประกันตนตามมาตรา 39 (ผู้ประกันตนภาคสมัครใจ) รวมถึงผู้ประกันตนมาตรา 40 (ทางเลือกที่ 3)
  • ผู้ประกันตนต้องจ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
  • เงินสงเคราะห์บุตรจะมอบให้แก่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้ประกันตนเท่านั้น โดยยกเว้นบุตรบุญธรรม หรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
  • เงินสงเคราะห์บุตรจะมอบให้แก่บุตรของผู้ประกันตน ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์
  • ในกรณีที่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย บุตรจะยังมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

ขอรับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ได้ทางอินเทอร์เน็ต

ขั้นตอนการลงทะเบียนขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566

ลงทะเบียนผ่าน e-Self Service

ผู้ที่มีสิทธิขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566 สามารถยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเองผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Self Service) โดยมีวิธี ดังนี้

  • เข้าสู่เว็บไซต์ www.sso.go.th ซึ่งเป็นระบบเว็บไซต์หลักของสำนักงานประกันสังคม
  • เลือกเมนู “เข้าสู่ระบบผู้ประกันตน/สมัครสมาชิก”
  • เมื่อเข้าสู่หน้าจอ “ระบบผู้ประกันตน” ให้ผู้ประกันตนกรอกรหัสผู้ใช้งาน (เลขบัตรประจำตัวประชาชน) และรหัสผ่านจากนั้น คลิกปุ่ม “เข้าสู่ระบบ”
  • ในกรณีที่ผู้ประกันตนไม่เคยเป็นสมาชิกของระบบผู้ประกันตน จำเป็นต้องสมัครสมาชิกก่อน โดยคลิก “สมัครสมาชิก”
  • เมื่อเข้าสู่ระบบผู้ประกันตนได้แล้ว ให้เลือกเมนู “ยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service)”
  • หลังจากนั้นจะเข้าสู่หน้าจอของระบบยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนด้วยตนเอง (e-Self Service) ให้ผู้ประกันตนตรวจสอบข้อมูลผู้ประกันตนของตัวเอง ข้อมูลการส่งเงินสมทบ ประวัติการขอรับสิทธิประโยชน์ สถานะการทำธุรกรรม และสามารถเลือกยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนได้เลย

ลงทะเบียนผ่านสำนักงานประกันสังคมทั่วประเทศ

หากผู้ประกันตนไม่สะดวกขอรับเงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566 ด้วยการลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ สามารถยื่นเรื่องลงทะเบียนรับเงินสงเคราะห์บุตรได้ที่สำนักงานประกันสังคม กรุงเทพมหานคร หรือในพื้นที่ที่ตนเองสะดวก

ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สายด่วน 24 ชั่วโมง โทร. 1506 หรือเว็บไซต์ www.sso.go.th ในวันและเวลาราชการ (08.30-16.30 น.)

เงินสงเคราะห์บุตรในปี 2566 ในครึ่งปีหลัง จะเข้าวันไหนบ้าง

ในส่วนของวันที่คุณพ่อคุณแม่จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2567 จะเป็นช่วงทุก ๆ สิ้นเดือน โดยสามารถไปเช็กวันที่เงินสงเคราะห์บุตรจะเข้าบัญชีได้ที่เว็บไซต์ของสำนักงานประกันสังคม www.sso.go.th

ทั้งหมดนี้ คือทุกเรื่องเกี่ยวกับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 ที่พ่อแม่ควรต้องรู้ แต่เชื่อว่าสำหรับพ่อแม่ที่มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูกเข้ามาไม่เว้นวัน การรอรับเงินสงเคราะห์บุตร ปี 2566 อย่างเดียวคงไม่ไหว เพราะหมุนเงินมาใช้จ่ายให้ลูกไม่ทัน สามารถมาขอสินเชื่อไม่ต้องใช้สลิปเงินเดือนได้ที่ศรีสวัสดิ์ เราให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยต่ำ หมุนเงินได้ทันใจ

ปรึกษาได้เลยที่ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจกว่า 5,500 สาขาทั่วไทย หรือโทร 1652 หรือ LINE Official @srisawad

Share This