การใช้รถยนต์สามารถเกิดอุบัติเหตุหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบมีคู่กรณี เช่น การขับรถชนกับรถอีกคัน และแบบไม่มีคู่กรณีเช่น ขับรถชนต้นไม้ รถชนเสาไฟฟ้า ถอยชนรั้วบ้าน ชนกระถางต้นไม้ การถูกชนแล้วหนี น้ำท่วมรถ ต้นไม้โค่นทับรถ เป็นต้น ขั้นตอนในการเคลมแต่ละกรณีก็อาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อย
นอกจากนี้การเคลมความคุ้มครองกับบริษัทประกันยังมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภท โดยทั่วไปจะเรียกว่า เคลมสด และเคลมแห้ง ทั้ง 2 แบบต่างกันตรงที่การเคลมสดจะเป็นการเคลมประกัน ณ ที่เกิดเหตุ แต่เคลมแห้งจะเป็นการเคลมประกันหลังจากเกิดเหตุไปแล้วแต่ไม่ควรเกิน 2-3 วัน
ขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ ณ ที่เกิดเหตุ หรือ เคลมสด
หากเกิดเหตุแล้วผู้ถือประกันรถยนต์ต้องการเคลมประกันรถยนต์ทันที ณ ที่เกิดเหตุ ปกติแล้วจะต้องให้เจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเข้ามาประเมินสถานการณ์ ซึ่งสามารถทำตามง่าย ๆ เพียง 5 ขั้นตอนได้แก่
1.ตั้งสติแล้วโทรแจ้งไปที่ศูนย์ประกัน
เมื่อเกิดเหตุขึ้น สิ่งแรกที่ต้องทำมากที่สุดคือการตั้งสติ และ ประเมินสถานการณ์เพื่อความปลอดภัยของตัวเองให้พยายามเอาตัวเองหรือเคลื่อนรถไปข้างทางหากทำได้ จากนั้นให้โทรแจ้งไปที่ศูนย์ประกัน โดยต้องแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้กับเจ้าหน้าที่ปลายสาย ได้แก่ หมายเลขกรมธรรม์ ชื่อ ทะเบียนรถ และยี่ห้อรถ ตำแหน่งที่เกิดเหตุ และ รายละเอียดของเหตุการณ์หรืออาจมีการสอบถามอื่น ๆ เพิ่มเติมแล้วแต่กรณี หลังจากนั้นบริษัทประกันจะมีการประสานตัวแทนจากบริษัทให้ออกมาเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์
2.ระหว่างรอตัวแทนประกัน ให้เตรียมเอกสารไว้
หลังจากติดต่อบริษัทประกันได้แล้วอาจใช้เวลาประมาณหนึ่งกว่าตัวแทนประกันจะมาถึงที่เกิดเหตุ ระหว่างนี้ให้เตรียมเอกสารต่าง ๆ ที่อาจได้ใช้สำหรับยื่นเรื่องเคลมความคุ้มครอง เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เล่มทะเบียนรถ หากมีการบันทึกภาพจากกล้องหน้ารถสามารถเช็กภาพเพื่อดูรายละเอียด หรือถ่ายภาพเก็บหลักฐาน และภาพจุดที่รถเกิดความเสียหายไว้
3.รอเจ้าหน้าที่ประเมินเหตุการณ์
เมื่อเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันมาถึงแล้วจะทำการประเมินเหตุการณ์ หากเหตุการณ์เป็นรถชนแบบที่มีคู่กรณีจะต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าฝ่ายใดเป็นฝ่ายถูกหรือผิด โดยอาจมีการเรียกค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) จากฝ่ายที่ผิดเพื่อเยียวยาคู่กรณีก่อนตามแต่ที่ตกลงไว้กับทางบริษัท แต่หากเหตุการณ์เป็นแบบไม่มีคู่กรณี เช่น ชนต้นไม้ ชนรั้ว ชนเสาไฟฟ้า กรณีนี้ผู้ขอเคลมประกันจะต้องจ่ายค่า Excess หรือเสียหายส่วนแรกก่อน
4.รับใบประเมินความเสียหาย
เมื่อได้ประเมินเหตุการณ์และประเมินความเสียหายแล้วทางเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้แก่ผู้ถือประกันรถยนต์เพื่อนำรถไปซ่อมที่อู่ ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรายละเอียดของใบประเมินความเสียหาย หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเคลมผลประโยชน์ระหว่างซ่อม สามารถสอบถามระละเอียดกับเจ้าหน้าที่ได้โดยตรง
5.นำรถและใบประเมินความเสียหายไปซ่อมที่อู่
ขั้นตอนนี้คือการนำรถไปเคลมกับอู่ซ่อมรถในเครือของบริษัทประกัน โดยจะต้องนำใบประเมินความเสียหายให้ทางอู่ด้วย ระยะเวลาในการซ่อมขึ้นอยู่กับความเสียหายและอู่ซ่อม ระหว่างนี้ผู้ถือกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์สามารถติดต่อบริษัทประกันเพื่อขอเคลมผลประโยชน์ระหว่างซ่อมได้ (ถ้ามี) โดยอาจมีการเรียกเอกสารหรือหลักฐานเพิ่มเติม เช่น ใบรับรถจากอู่ซ่อม หรือภาพจากอู่ซ่อมรถ แล้วแต่ข้อกำหนดของแต่ละบริษัท
การเคลมประกันรถยนต์หลังจากเกิดเหตุ หรือ เคลมแห้ง
รูปแบบการเคลมลักษณะนี้มักจะมีเฉพาะ ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นการเคลมพิเศษที่เรียกว่า การเคลมรอบคันรถ มักจะเคลมจากกรณีที่รถยนต์เกิดเหตุที่มีความเสียหายเล็กน้อย เช่นการเฉี่ยวเข้ากับสิ่งกีดขวาง ฟุตบาท ต้นไม้ เสาไฟฟ้า โดยผู้ถือประกันจะต้องบันทึกเหตุการณ์อย่างละเอียด ชัดเจนว่าชนเข้ากับอะไร เกิดความเสียหายที่ตรงส่วนไหนของรถ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ที่ไหน โดยผู้ถือประกันรถยนต์จะต้องเป็นฝ่ายแจ้งเคลมกับบริษัทด้วยตัวเอง และไม่ควรแจ้งหลังจากเกิดเหตุ 2-3 วัน หรือนานจนเกินไป
ขั้นตอนการเคลมแห้ง
- เก็บหลักฐาน ผู้ถือประกันรถยนต์ควรมีการบันทึกภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ภาพถ่ายความเสียหายที่ตัวรถ เพื่อเป็นหลักฐานประกอบในการแจ้งเคลมกับบริษัท
- ติดต่อแจ้งความประสงค์กับบริษัทประกัน เมื่อผู้ถือประกันรถยนต์ติดต่อไปยังบริษัทประกันแล้วอาจมีการมีการสอบถามรายละเอียดหรือเรียกเอกสารส่วนตัวเพิ่มเติม แล้วแต่ข้อกำหนดของบริษัท จากนั้นจะมีการนัดตรวจสภาพความเสียหายของรถ
- รับใบประเมินความเสียหาย เมื่อทำการตรวจสอบความเสียหายต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว บริษัทประกันจะออกใบประเมินความเสียหายให้ผู้ถือประกันรถยนต์นำรถไปซ่อมกับอู่ซ่อมตามความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งการเคลมแห้งอาจมีการจ่ายค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) 1,000-4,000 บาทตามที่ได้ตกลงกับบริษัทประกัน
สรุปการเคลมประกันรถยนต์
จะเห็นได้ว่าการเคลมประกันรถยนต์ไม่ใช่เรื่องยาก ส่วนที่สำคัญคือหลักฐานและเอกสารประจำรถ เพราะถือเป็นข้อมูลสำคัญในการขอเคลมประกันกับบริษัท นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญเหตุผลหนึ่งที่ผู้ขับรถยนต์ทุกคนควรจะต้องพกเอกสารประจำตัวและประจำรถยนต์ เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ เล่มทะเบียน และเล่มกรมธรรม์
เมื่อเกิดเหตุแต่ละครั้งขอเพียงตั้งสติและติดต่อบริษัทประกันให้เร็วที่สุด เพื่อรับทราบข้อปฏิบัติและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง ทั้งนี้การดูแลผู้ถือประกันรถยนต์และรายละเอียดในการเคลมอาจขึ้นอยู่กับความคุ้มครองของแผนประกันและขั้นตอนการบริการของบริษัทประกัน
ประกันรถยนต์ชั้น 1 จาก ‘ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ’ ผ่อนเงินสดนานสูงสุดถึง 12 งวด พร้อมคุ้มครองอุบัติเหตุทุกกรณีทันทีตั้งแต่งวดแรกที่ชำระ หากต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ว่าประกันรถยนต์ จะช่วยคุ้มครองอะไรบ้าง สามารถโทรสอบถามเพื่อรับข้อมูลได้ทันทีที่ โทร. 1652 หรือ LINE Official @srisawad หรือติดต่อได้ด้วยตัวเองที่ ‘ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ’ ทุกสาขาใกล้บ้านกว่า 5,500 แห่งทั่วประเทศ