ไม่ว่าเศรษฐกิจจะอยู่ในช่วงเฟื่องฟูหรือซบเซา เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเคยมีความคิดอยากจะ “ลงมือ” และ “ลงทุน” ทำธุรกิจอะไรสักอย่างเพื่อเป็นแหล่งรายได้หรือกิจกรรมยามว่างที่ได้เงินและยังได้ทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจด้วย ซึ่งใครจะไปรู้ ธุรกิจเล็ก ๆ ในวันนี้ อาจเป็นสิ่งที่ช่วยเหลือคุณในยามยากลำบากในอนาคต บางคนอยากทำร้านอาหาร ร้านขายน้ำ ทำธุรกิจปลูกผัก เพาะเห็ดขาย หรือเปิดร้านเสริมสวย สิ่งเหล่านี้ล้วนต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก สำหรับหนึ่งในทางเลือกของการหาเงินมาทำความฝันให้เป็นจริงก็คือการขอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งจะช่วยให้คุณมีเงินก้อนไปหมุนก่อน แถมที่อยู่อาศัยก็ยังอยู่ครบ สามารถเอามาใช้เป็นหน้าร้านหรือสถานที่ทำงานโดยไม่ต้องเปลืองค่าเช่าอีกด้วย
และหากใครวางแผนจะขอสินเชื่อบ้านแบบดอกเบี้ยต่ำ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ก็มีข้อมูลดี ๆ มาฝาก กับ 5 ข้อต้องรู้ก่อนของสินเชื่อบ้านและที่ดิน เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้พร้อมกว่าใคร ไปดูกันเลย
1. เช็กก่อน วงเงินสูงสุดได้เท่าไหร่ของราคาประเมิน
หนึ่งในข้อดีของการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินคือดอกเบี้ยต่ำ แต่ได้วงเงินกู้สูง เพราะบ้าน อาคาร และที่ดินนั้นเป็นอสังหาริมทรัพย์ที่มีมูลค่ามาก เมื่อใช้หลักประกันเหล่านี้ขอกู้เงินจึงได้วงเงินที่มากกว่าการไปขอสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่ต้องยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันนั่นเอง ซึ่งการจะพิจารณาวงเงินนั้น ทางบริษัทที่ให้สินเชื่อจะดูจากราคาประเมินบ้านหรือที่ดินของคุณประกอบกัน โดยบางบริษัทอาจให้วงเงินสูงถึง 70-90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ ในกรณีที่ผู้กู้ต้องการใช้บ้านหรือที่ดินแลกเงินเต็มราคา หรือหากอยากใช้เงินน้อยกว่าราคาประเมิน ก็สามารถขอกู้เพียงจำนวนที่ต้องการได้เช่นกัน ซึ่งในส่วนนี้ คุณควรสอบถามกับผู้ให้สินเชื่อก่อนทุกครั้งว่ามีเกณฑ์อย่างไร เนื่องจากสินเชื่อแต่ละที่ และรูปแบบของบ้านหรือที่ดินที่เอามาค้ำประกัน อาจมีเงื่อนไขไม่เหมือนกัน จากนั้นจึงนำมาคำนวณว่าเงินที่จะได้รับนั้นเพียงพอต่อการเปิดร้านของคุณหรือไม่
2. ประเภทของดอกเบี้ยเงินกู้ที่คุณต้องรู้
การขอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำนั้นมีการคิดดอกเบี้ยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งคุณควรสอบถามกับทางสินเชื่อที่จะขอให้เรียบร้อยก่อน เพื่อประโยชน์ในการวางแผนเก็บเงินผ่อนชำระ
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ (Fixed Rate) คุณจะถูกคิดดอกเบี้ยเท่ากันตลอดทุกเดือนไปจนกระทั่งครบอายุการทำสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้
- อัตราดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating Rate) เป็นอัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์และการลงทุนของผู้ที่ให้สินเชื่อ เช่น ดอกเบี้ย MLR, MOR, MRR ที่ทางธนาคารพาณิชย์จะเรียกเก็บจากลูกค้าประเภทต่าง ๆ
ซึ่งในอัตราดอกเบี้ยที่คุณได้รับนั้นก็จะมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่แตกต่างกันออกไป ได้แก่
- การคิดดอกเบี้ยแบบคงที่ (Flat Rate) เป็นดอกเบี้ยที่คำนวณจากเงินต้น อัตราดอกเบี้ยต่อปี และระยะเวลาในการผ่อนชำระ ซึ่งผู้กู้ก็จะต้องผ่อนชำระในจำนวนเงินเดือนละเท่า ๆ กันไปจนกว่าจะครบ
- การคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) ดอกเบี้ยประเภทนี้จะคำนวณจากเงินต้นคงเหลือที่ลดลงในแต่ละงวด หลังจากที่คุณได้ผ่อนชำระไปเรื่อย ๆ ยอดที่ต้องจ่ายในเดือนต่อ ๆ ไปจึงลดลงตามไปนั่นเอง
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า การคิดดอกเบี้ยที่เราขอสินเชื่อไปนั้นจะคิดเป็นแบบไหน? สำหรับผู้กู้แต่ละคน ก็จะมีเงื่อนไขที่แตกต่างกันไป ซึ่งการขอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำก็จะมีอัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บ และวิธีการคำนวณดอกเบี้ยที่ไม่เหมือนกัน แต่โดยทั่วไปแล้ว บริษัทสินเชื่อมักจะใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้แบบคงที่ และวิธีคิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก คือ มีดอกเบี้ยเพียงอัตราเดียวตายตัว แต่จะคิดดอกเบี้ยลดลงไปตามเงินต้นที่ลดลง อย่างไรก็ดี อย่าลืมสอบถามกับทางเจ้าหน้าที่ให้มั่นใจก่อนทุกครั้ง
3. ค่าประเมินหลักทรัพย์คืออะไร ใครเป็นผู้ชำระ?
อย่างที่เราได้ให้ข้อมูลกันไปแล้วว่า วงเงินที่คุณจะได้รับจากสินเชื่อบ้านแลกเงินดอกเบี้ยต่ำเพื่อมาเป็นทุนรอนในการทำร้าน ทำธุรกิจของคุณนั้นจะคิดมาจากราคาประเมินบ้าน อาคาร หรือที่ดินที่นำมาเป็นหลักประกัน เพื่อให้รู้ว่า บ้านหรือที่ดินผืนนั้นควรมีราคาเท่าไหร่ เมื่อมีปัจจัยด้านอายุ ทำเล ค่าเสื่อมราคา ศักยภาพในการทำให้เกิดรายได้จากอสังหาฯ แห่งนั้น หรือปัจจัยอื่น ๆ มาประกอบ ดังนั้น ในการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินดอกเบี้ยต่ำ คุณจึงจำเป็นต้องใช้ใบประเมินหลักทรัพย์ ซึ่งออกโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบประเมินราคาบ้านหรือที่ดิน เช่น ธนาคารพาณิชย์ หรือบริษัทประเมินราคา โดยคุณจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการประเมินเอง หรือขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นของแต่ละสินเชื่อ
4. การจดจำนองคืออะไร ขอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำต้องจดจำนองไหม?
อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่แล้ว หลักการของการจำนองคือเป็นการประกันการชำระหนี้ ซึ่งสำหรับการนำบ้านไปแลกเงินด้วยการขอสินเชื่อบ้านที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำนั้น บริษัทสินเชื่อบางแห่งอาจกำหนดให้ต้องจดจำนองหรือไม่ต้องก็ได้
การจดจำนองนั้นเป็นการนำบ้านหรือที่ดิน ซึ่งเป็นทรัพย์สินของเราไปจดทะเบียนจำนองเพื่อประกันว่า คุณจะชำระหนี้ตามกำหนด โดยอัตราค่าจดจำนองอาจเปลี่ยนไปตามนโยบายและสภาวะเศรษฐกิจ เช่น ในปัจจุบันมีนโยบายช่วยลดภาระให้ประชาชน จึงลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือเพียง 0.01% ของราคาอสังหาริมทรัพย์ และค่าใช้จ่ายในการจดจำนองนี้ ผู้กู้จะเป็นผู้รับผิดของเอง เพราะฉะนั้น ใครที่กำลังจะนำบ้านไปแลกเงิน อย่าลืมคำนวณเผื่อค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ด้วย
5. ต้องยื่นสลิปเงินเดือนหรือไม่?
ข้อสุดท้ายที่คุณต้องเช็กให้มั่นใจทุกครั้งก่อนเลือกกู้สินเชื่อบ้านแลกเงินที่ดอกเบี้ยต่ำจากบริษัทไหนก็ตาม คือ หลักฐานแสดงรายได้ หรือ สลิปเงินเดือน โดยปกติแล้ว ทางผู้ให้สินเชื่อจะกำหนดให้ผู้กู้ต้องยื่นเอกสารเหล่านี้ เพื่อแสดงความสามารถในการชำระหนี้ว่า เป็นคนที่มีรายได้เข้ามาประจำสม่ำเสมอ และจะจัดการกับหนี้ก้อนที่กู้ไปได้ไหม แต่ก็มีสินเชื่อบางแห่งเช่นกันที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้สลิปก็ขอกู้ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับคนที่อาจไม่ได้ทำงานประจำ แต่มีบ้านหรือที่ดินปลอดภาระในครอบครอง
ใครที่อยากลงทุนแต่ไม่มีเงินก็ไม่ต้องกังวลไป หลังจากอ่าน 5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับการขอสินเชื่อบ้านดอกเบี้ยต่ำที่สามารถเปลี่ยนบ้านหรือที่ดินของคุณเป็นเงินก้อนโต ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณจะวางแผนในขั้นตอนอื่น ๆ และหากใครที่กำลังมองหาเงินกู้มาเป็นตัวช่วยสานฝันในการเริ่มต้นทำร้าน หรือสร้างธุรกิจเล็ก ๆ เป็นของตัวเอง ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ เราก็มีสินเชื่อบ้านและที่ดิน ดอกเบี้ยต่ำ แต่ให้วงเงินสูง ทั้งยังดีกว่าตรงที่คุณไม่ต้องจดจำนองและไม่ต้องยื่นสลิปเงินเดือน จึงช่วยเปิดโอกาสที่กว้างกว่าให้กับคุณ หากสนใจสมัครสินเชื่อ เพียงกรอกรายละเอียดได้ที่นี่ แล้วรอเจ้าหน้าที่ของเราติดต่อกลับไป หรือติดต่อ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจได้ทุกสาขาใกล้บ้าน