ช่วงฝนตก ถนนลื่นแบบนี้ การขับรถบรรทุกซึ่งมีขนาดใหญ่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลง รวมทั้งถนนก็เปียก การขับรถบรรทุกจึงต้องขับด้วยความระมัดระวังมากขึ้น ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ขอแนะนำ 4 เรื่องที่ผู้ประกอบการรถบรรทุกควรรู้ เพื่อการขับรถบรรทุกให้ปลอดภัยช่วงหน้าฝนมาฝากกัน
1) ใช้ความเร็ว 60 กม./ชม. ควบคุมรถไม่ให้ลื่นไถล
ทราบหรือไม่ว่าฝนที่ตกในช่วงแรกจะทำให้การขับขี่ยากที่สุด เนื่องจากโคลนและน้ำมันที่อยู่บนพื้นผิวจะรวมตัวกับน้ำฝน กลายเป็นชั้นผิวลื่น ๆ บนพื้นถนน ดังนั้นจึงต้องควบคุมการใช้ความเร็ว ให้ไม่เกิน 60 กม./ชม. เพราะการขับขี่ที่ช้าลงจะช่วยให้ดอกยางสัมผัสกับถนนได้มากขึ้น ทำให้การเกาะถนนดีขึ้น เมื่อต้องเข้าโค้ง ให้ลดความเร็วลงกว่าความเร็วที่กำหนดตามป้ายนั้น ๆ และในกรณีที่จำเป็นต้องขับรถเพื่อลุยน้ำท่วมจริง ๆ ต้องแน่ใจว่าน้ำจะไม่ท่วมถึงระดับกรองอากาศ
2) ตรวจดูความลึกดอกยาง เพื่อป้องกันอาการเหินน้ำ
“อาการเหินน้ำ” (Hydroplaning) คือ อาการที่ล้อรถไม่สามารถสัมผัสกับพื้นถนนได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากมีน้ำเข้ามาแทรกและยางรถไม่สามารถรีดน้ำออกได้ จึงเกิดเป็นช่องว่างระหว่างล้อรถและพื้นถนน ทำให้ยางรถสูญเสียการยึดเกาะพื้นผิวถนน รถอาจสะบัดและเปลี่ยนทิศทางได้ง่าย ทั้งนี้ความเสี่ยงของการเหินน้ำจะเพิ่มขึ้นตามปริมาณน้ำและประเภทของพื้นผิวถนนที่ไม่เอื้ออำนวย ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการขับข้ามพื้นที่ ๆ มีแอ่งน้ำไว้ก่อน และ ตรวจสภาพยางเป็นประจำ
ความลึกของดอกยาง เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการป้องกันการเหินน้ำและการลื่นไถล จึงไม่ควรปล่อยให้ดอกยางสึกหรอ จนมีความลึกไม่ถึง 2/32 นิ้วหรือน้อยกว่า และ ควรตรวจแรงดันลมยางอย่างน้อยเดือนละครั้ง เติมลมยางให้แข็งขึ้นสัก 2-3 ปอนด์ เมื่อเจอแอ่งน้ำตามถนน ควรเตรียมพร้อมโดยการขับขี่ทั้งสองมือและประคองพวงมาลัยให้มั่นคง ไม่ขับรถเร็วเกินไป
3) รักษาระยะเบรก จากรถคันหน้า 80 – 100 เมตร
เมื่อถนนเปียกระยะเบรกจะเพิ่มเป็น 3 เท่าจากถนนแห้ง ดังนั้นในการขับขี่จะต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้มากขึ้น นอกจากนี้ ควรคำนึงถึงระยะเบรกที่จะเพิ่มขึ้นจากสภาพยาง และน้ำหนักสินค้าที่บรรทุกอยู่ การรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าควรเว้นอย่างน้อย 80 – 100 เมตร หรือ 4 – 6 วินาที ในกรณีที่บรรทุกของหนัก เนื่องจากน้ำหนักของสิ่งที่บรรทุกมาด้านหลังทำให้รถเกิดแรงส่งค่อนข้างมาก จึงจำเป็นต้องมีระยะการเบรกที่เพียงพอ
กรณีที่รถของคุณมีระบบเบรกช่วย เช่น ระบบเบรกไอเสีย ระบบป้องกันล้อล็อกจากการเบรก (ABS) ควรเปิดใช้งานระบบด้วย หากรถเกิดการลื่นไถลอย่าย้ำเบรกซ้ำ ๆ สิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเกิดการลื่นไถลคือ เหยียบเบรกอย่างมั่นคง ที่ระดับความหนักที่สม่ำเสมอ และ ควบคุมพวงมาลัยให้อยู่ในทิศทางที่รถไถลไป
หากขับรถลุยพื้นที่น้ำท่วมขังมา เมื่อขับพ้นระยะน้ำท่วมแล้ว ควรเหยียบย้ำเบรกโดยการเบรก – ปล่อย ประมาณ 2 รอบ เพื่อให้ผ้าเบรกแห้ง
4) เปิดไฟและที่ปัดน้ำฝน เพิ่มทัศนวิสัยการขับขี่
ด้วยทัศนวิสัยที่เกิดจากสภาพอากาศ ควรเปิดไฟหน้ารถ เพื่อให้รถคันอื่นที่ใช้ถนนมองเห็นรถของคุณได้ง่าย ทั้งยังช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับตัวคุณในฐานะผู้ขับขี่เอง แต่ไม่ควรเปิดไฟหน้าสูง เพราะจะทำให้แสงไฟแยงตารถที่ขับสวนทางมา ทำให้สายตาพร่ามัว อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
กรณีที่ฝนตกปรอย ๆ หรือ ไม่หนักมาก ให้เลือกใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบครั้งเดียวหรือปัดสองครั้ง หากฝนตกหนัก ควรเปิดที่ปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอยู่ตลอดเวลา เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเส้นทาง
สำหรับผู้ประกอบการรถบรรทุกที่ต้องการเงินหมุนมาต่อยอดธุรกิจ สามารถ ขอสินเชื่อรถบรรทุก ไม่ต้องโอนเล่มทะเบียน ไม่ต้องมีคนค้ำ ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุก 4 ล้อ, รถ 6 ล้อ, รถ 10 ล้อ, รถพ่วง, รถเทรลเลอร์ หรือ รถลากตู้ 20 และ 40 ฟุต เราก็พร้อมอนุมัติ ให้วงเงินสูง ดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.09% ต่อเดือน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงไม่เกิน 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 54 งวด
ปรึกษาเจ้าหน้าที่ได้เลยที่ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ กว่า 5,500 สาขาทั่วไทยหรือโทร 1652 หรือ LINE Official @srisawad
*กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
*เงื่อนไขอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด