การซื้อบ้านเป็นความฝันของหลาย ๆ คน แต่ในบางครั้งการกู้ซื้อบ้านและผ่อนบ้านอาจกลายเป็นภาระหนักอึ้งเมื่อสถานการณ์การเงินเปลี่ยนแปลง การผ่อนบ้านไม่ไหวเกิดจากเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่อาจเจอได้ในชีวิต เช่น หมุนเงินไม่ทัน ขาดรายได้ฉุกเฉิน คนในครอบครัวเจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ เป็นต้น เมื่อเผชิญกับปัญหานี้ ควรมีวิธีการแก้ไขที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพเพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียบ้านไป บทความนี้ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ จะนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาเมื่อผ่อนบ้านไม่ไหวมาฝากกัน
สาเหตุที่ทำให้ผ่อนบ้านไม่ไหว
1. การตกงานหรือรายได้ลดลง
การตกงานหรือการลดรายได้เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้หลายคนไม่สามารถผ่อนบ้านได้ตามปกติ การสูญเสียงานหรือการลดชั่วโมงการทำงานอาจทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก จนไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการผ่อนบ้าน
2. ค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิด
เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือการเสียชีวิตของผู้หาเลี้ยงครอบครัว อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดคิดและมีผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์หรือการดูแลสุขภาพอาจสูงมาก จนทำให้เงินที่เหลือไม่พอที่จะชำระหนี้บ้าน
3. ภาระหนี้สินอื่น ๆ ที่เพิ่มขึ้น
การมีภาระหนี้สินอื่น ๆ เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล หรือหนี้การศึกษาที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เงินที่ใช้ในการผ่อนบ้านลดลง ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดความยากลำบากในการจัดการกับค่าใช้จ่ายรายเดือนทั้งหมด
4. การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย
การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยสามารถส่งผลกระทบต่อจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละเดือน หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น การผ่อนบ้านก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้หลายคนไม่สามารถผ่อนบ้านได้ตามปกติ
5. การจัดการการเงินที่ไม่ดี
การขาดการวางแผนการเงินและการจัดการเงินที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาทางการเงินที่ส่งผลต่อการผ่อนบ้าน เช่น การใช้จ่ายเกินตัว การไม่มีการสำรองเงินฉุกเฉิน หรือการไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
6. การเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ครอบครัว
การเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ครอบครัว เช่น การหย่าร้าง การมีบุตร หรือการต้องดูแลผู้สูงอายุ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นและรายได้ลดลง ซึ่งส่งผลให้การผ่อนบ้านเป็นภาระที่ยากลำบากขึ้น
ผ่อนบ้านไม่ไหว ทำยังไงดี
การติดต่อสถาบันการเงิน
1. การติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์
เมื่อคุณพบว่าคุณไม่สามารถผ่อนบ้านได้ตามปกติ สิ่งแรกที่ควรทำคือการติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินที่คุณกู้เงินมา การติดต่อควรทำอย่างรวดเร็วและตรงไปตรงมา เพื่อแจ้งให้ทราบถึงสถานการณ์การเงินที่เปลี่ยนแปลง การพูดคุยกับตัวแทนธนาคารจะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและความช่วยเหลือในขั้นตอนต่อไป
1.1 การเตรียมข้อมูลก่อนการติดต่อ
- ตรวจสอบรายละเอียดการกู้ยืม เช่น จำนวนเงินที่คงค้าง อัตราดอกเบี้ย และเงื่อนไขการผ่อนชำระ
- เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น รายการรายได้และค่าใช้จ่าย ประวัติการชำระหนี้ และเอกสารที่เกี่ยวกับสถานการณ์การเงินปัจจุบัน
1.2 การพูดคุยกับตัวแทนธนาคาร
- อธิบายสถานการณ์การเงินของคุณอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา
- ขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาและทางเลือกที่เป็นไปได้
- บันทึกการสนทนาและคำแนะนำที่ได้รับเพื่อใช้ในการตัดสินใจในขั้นต่อไป
2. การขอปรับโครงสร้างหนี้
การขอปรับโครงสร้างหนี้เป็นวิธีที่ใช้เพื่อจัดการกับภาระการผ่อนชำระ โดยการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้ให้สอดคล้องกับความสามารถในการจ่ายของคุณ ธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจเสนอทางเลือกต่าง ๆ เช่น การขยายระยะเวลาการผ่อนชำระหรือการลดจำนวนเงินที่ต้องชำระในแต่ละเดือน
2.1 การเตรียมข้อมูลสำหรับการขอปรับโครงสร้างหนี้
- ตรวจสอบรายละเอียดการกู้ยืมและเงื่อนไขการชำระหนี้ปัจจุบัน
- เตรียมเอกสารที่แสดงถึงสถานการณ์การเงินปัจจุบันและความสามารถในการชำระหนี้
- วางแผนและเสนอแนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ที่เหมาะสม
2.2 การยื่นคำขอปรับโครงสร้างหนี้
- ติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอข้อมูลและแบบฟอร์มที่จำเป็น
- ยื่นคำขอปรับโครงสร้างหนี้พร้อมเอกสารประกอบ
- ติดตามผลและเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับธนาคาร
3. การขอเลื่อนชำระหนี้หรือปรับลดดอกเบี้ย
การขอเลื่อนชำระหนี้หรือการขอปรับลดดอกเบี้ยเป็นวิธีที่สามารถช่วยบรรเทาภาระการผ่อนชำระในระยะสั้น ธนาคารหรือสถาบันการเงินอาจยอมให้คุณเลื่อนการชำระหนี้บางงวดหรือปรับลดดอกเบี้ยในช่วงเวลาที่กำหนด
3.1 การเตรียมข้อมูลสำหรับการขอเลื่อนชำระหนี้หรือปรับลดดอกเบี้ย
- รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การเงินและความสามารถในการชำระหนี้ในระยะสั้น
- เตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น รายการรายได้และค่าใช้จ่าย และเหตุผลที่ขอเลื่อนชำระหนี้หรือปรับลดดอกเบี้ย
3.2 การยื่นคำขอเลื่อนชำระหนี้หรือปรับลดดอกเบี้ย
- ติดต่อธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอข้อมูลและแบบฟอร์มที่จำเป็น
- ยื่นคำขอพร้อมเอกสารประกอบและอธิบายสถานการณ์การเงินของคุณอย่างชัดเจน
- ติดตามผลการพิจารณาและเจรจาต่อรองเงื่อนไขกับธนาคาร
การติดต่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินเพื่อขอความช่วยเหลือและปรับโครงสร้างหนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการแก้ไขปัญหาการผ่อนบ้านไม่ไหว การเตรียมข้อมูลและการสื่อสารอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมาจะช่วยให้คุณได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการจัดการกับภาระการผ่อนบ้าน
การหาทางเลือกเพิ่มเติม
1. การขายทรัพย์สินอื่น ๆ เพื่อระดมทุน
การแปลงทรัพย์สินเป็นทุน เช่น รถยนต์ที่ใช้ไม่บ่อย ของสะสม หรือสินทรัพย์ที่มีมูลค่าอื่น ๆ สามารถช่วยให้มีเงินสดเพื่อใช้ในการผ่อนบ้านได้ การขายทรัพย์สินเหล่านี้สามารถทำได้โดยการโพสต์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียของคุณเอง ขายตามตลาดนัด หรือการขายโดยตรงให้กับผู้ที่สนใจ
2. การหางานเสริมเพื่อเพิ่มรายได้
การหางานเสริมเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มรายได้ในระยะสั้น งานเสริมอาจเป็นงานพาร์ทไทม์ งานออนไลน์ หรืองานฟรีแลนซ์ที่สามารถทำได้ในเวลาว่าง การหางานเสริมช่วยให้มีรายได้เพิ่มเติมเพื่อช่วยในการผ่อนบ้าน
3. การขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
การขอความช่วยเหลือจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูงอาจเป็นทางเลือกที่ดีในบางสถานการณ์ หากมีคนใกล้ชิดที่สามารถให้ยืมเงินหรือให้ความช่วยเหลือทางการเงินได้ การพูดคุยและขอความช่วยเหลืออย่างเปิดเผยอาจช่วยให้ได้รับการสนับสนุนที่จำเป็น
4. การลงทุนในทักษะใหม่
การเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่สามารถเปิดโอกาสในการหางานที่มีรายได้สูงขึ้น การลงทุนในการศึกษาเพิ่มเติมหรือการอบรมอาจช่วยให้สามารถเพิ่มรายได้ในระยะยาว ซึ่งจะช่วยในการผ่อนบ้านได้อย่างยั่งยืน
5. การขอสินเชื่ออื่น ๆ
การขอสินเชื่ออื่น ๆ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สามารถใช้ในการผ่อนบ้านและกระจายการชำระหนี้ในช่วงระยะสั้นที่ติดขัดก่อนได้ เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ อย่างไรก็ตาม ควรกู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว ระมัดระวังและตรวจสอบเงื่อนไขการกู้ยืมอย่างละเอียด
การหาทางเลือกเพิ่มเติมเหล่านี้เป็นวิธีที่สามารถช่วยให้สามารถจัดการกับภาระการผ่อนบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของตนเองจะช่วยให้สามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ สำหรับท่านยังผ่อนบ้านไม่หมด และอยากได้ตัวช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินเพื่อนำไปจ่ายค่างวดบ้าน สามารถใช้บริการสินเชื่อรถแลกเงิน ของ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ ได้ทั้งรถยนต์ รถจักรยานยนต์ รถบรรทุก และรถเพื่อการเกษตร สอบถามเจ้าหน้าที่ได้กว่า 5,500 สาขาทั่วไทย โทร. 1652 หรือ LINE Official @srisawad
หมายเหตุ :
- สินเชื่อรถยนต์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.85% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อมอเตอร์ไซค์ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 17.04% – 24% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- สินเชื่อรถบรรทุก อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 19.66% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 54 งวด
- สินเชื่อรถการเกษตร อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 21.42% – 24.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 36 งวด
- สินเชื่อบ้านที่ดิน อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง 14.61% – 15.00% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนสูงสุด 72 งวด
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- เงื่อนไขอนุมัติสินเชื่อเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด