หน้าฝนแบบนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกี่ยวกับน้ำอย่าง ฝนตก น้ำท่วม หรือ น้ำเข้ารถตามมา นอกจากนี้ยังอาจเกิดอุบัติเหตุอันเนื่องมาจากการที่ถนนลื่น อย่างการขับรถจมน้ำได้อีกด้วย ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ จะพาไปหาคำตอบกันว่า น้ำท่วมรถ หรือ รถจมน้ำประกันรถยนต์ให้ความคุ้มครองหรือไม่ และมีขั้นตอนการเคลมประกันรถยนต์ อย่างไรบ้าง
น้ำท่วมรถ ประกันคุ้มครองไหม
ก่อนอื่น ไม่ใช่ทุกเหตุการณ์น้ำท่วมที่ประกันรถยนต์จะให้ความคุ้มครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเกิดจากความตั้งใจ หรือ ความประมาทของเราเอง
กรณีน้ำท่วมที่ประกันรถยนต์คุ้มครอง
น้ำท่วมรถจากเหตุการณ์ฝนตกหนัก ภัยธรรมชาติ ระดับน้ำค่อย ๆ เพิ่มสูงขึ้นจนท่วมถนนที่กำลังเดินทางอยู่ หรือน้ำท่วมบริเวณที่จอดรถไว้ จนรถได้รับความเสียหาย
กรณีน้ำท่วมที่ประกันรถยนต์ไม่คุ้มครอง
ผู้ขับขี่ตั้งใจขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม โดยที่ทราบหรือเห็นอยู่แล้วว่าเส้นทางนั้นมีน้ำท่วมหนัก มีการประกาศ มีป้ายเตือน แต่ก็ยังขับรถลุยน้ำเข้าไป หรือสตาร์ทรถทั้งที่รถจมน้ำอยู่ หากรถเกิดความเสียหาย ประกันจะไม่คุ้มครอง เพราะถือว่าเป็นการนำรถยนต์เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัยเอง หรือจงใจที่จะให้รถได้รับความเสียหายเพื่อหวังเคลมประกัน
รถจมน้ำ น้ำเข้ารถ ประกันคุ้มครองอย่างไร
ความคุ้มครองประกันรถยนต์จากความเสียหายกรณีของน้ำท่วม รถจมน้ำ มีสองแบบ คือ
กรณีที่น้ำท่วมมิดคัน หรือ การสูญเสียโดยสิ้นเชิง
โดยน้ำท่วมสูงเกินช่วงคอนโซลหน้า ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับทั้งห้องโดยสาร และบริษัทประกันประเมินแล้วว่า ไม่คุ้มที่จะซ่อมให้กลับมาอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งส่วนใหญ่ประกันรถยนต์จะยินดีที่จะจ่ายเงินในอัตรา 70-80% ของทุนประกันรถหรือมูลค่ารถ (ขึ้นอยู่กับรายละเอียดกรมธรรม์) เพื่อเป็นการขอซื้อซากรถ รถก็จะตกเป็นทรัพย์สินของบริษัทประกันไป
กรณีที่น้ำท่วมรถเสียหายบางส่วน ยังสามารถซ่อมกลับมาใช้ได้
บริษัทประกันจะรับผิดชอบซ่อมแซมรถให้กลับมาใช้งานได้ปกติ โดยที่ประกันรถยนต์นั้นจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่เกินจำนวนทุนประกันและความคุ้มครองที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์
ประกันรถยนต์ชั้นไหน คุ้มครองน้ำท่วมบ้าง
ประกันรถยนต์ ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ทั้งอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี ไม่มีคู่กรณี ไปจนถึงเหตุไม่คาดฝันอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น รถหาย ไฟไหม้รถ และ น้ำท่วมรถ แต่ทั้งนี้การเคลมประกันจากเหตุน้ำท่วม ก็จะพิจารณาตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับรถยนต์คันที่ทำประกันเอาไว้ ตามที่กล่าวไปข้างต้น
ประกันรถยนต์ชั้น 2+ กับ 3+ (บางกรมธรรม์)
นอกจาก ประกันรถยนต์ ชั้น 1 จะให้ความคุ้มครองน้ำท่วมรถแล้วนั้น ยังมีประกันรถยนต์ชั้น 2+ และ ประกันรถยนต์ชั้น 3+ บางกรมธรรม์ ที่ให้ความคุ้มครองกรณีรถยนต์ถูกน้ำท่วมด้วยเช่นกัน ดังนั้น ก่อนซื้อประกันรถยนต์ จึงควรสอบถามรายละเอียดความคุ้มครองกับตัวแทนก่อนว่า ประกันรถยนต์ที่เราสนใจนั้น ให้ความคุ้มครองน้ำท่วมรถด้วยหรือไม่ หรือหากไม่คุ้มครองสามารถซื้อเพิ่มเติมได้หรือไม่
ขั้นตอนการขอเคลมประกันรถยนต์ กรณีน้ำท่วมรถ
เมื่อเกิดเหตุน้ำท่วมรถจนได้รับความเสียหายไม่ต้องตกใจ รวบรวมสติ และสามารถทำเรื่องขอเคลมประกันรถกับบริษัทประกันตามขั้นตอนด้านล่างได้เลย ดังนี้
- ถ่ายรูปหรือถ่ายวิดีโอขณะที่น้ำท่วมรถ (ถ้าเป็นไปได้ควรให้เห็นทะเบียนรถยนต์ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นรถคันเดียวกับที่ทำประกันรถยนต์ไว้)
- ติดต่อบริษัทประกันที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ รอเจ้าหน้าที่ประสานงานเรื่องรถยก รถลาก (หากไม่มั่นใจ สามารถสอบถามทางเจ้าหน้าที่ของทางบริษัทประกันได้ เนื่องจากบางกรมธรรม์มีช่วยเหลือเรื่องค่ารถยก รถลากให้ด้วย)
- เตรียมเอกสารจำเป็น ระหว่างรอเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกัน มาตรวจสอบเพื่อประเมินความเสียหาย ได้แก่
- สำเนาใบขับขี่ และสำเนาบัตรประชาชน ของเจ้าของรถ
- สำเนาทะเบียนรถยนต์
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- เลือกอู่หรือศูนย์ซ่อมเพื่อทำการประเมินราคา
- รอการอนุมัติจากบริษัทประกันภัย เพื่อรับริการซ่อมแซมจากอู่หรือศูนย์ซ่อมที่เราได้เลือกไว้
เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ฝนตกหนัก และอาจเกิดน้ำท่วมบ่อยจนทำให้รถได้รับความเสียหายได้ จะเห็นได้ว่าการทำประกันภัยรถยนต์ก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญในการคุ้มครองรถยนต์ของคุณได้ไม่ว่าจะเป็น ประกันรถยนต์ประเภท 1 ประกันรถยนต์ 2+ หรือ ประกันรถยนต์ 3+ สำหรับท่านที่สนใจสามารถเลือกประกันรถยนต์ที่เหมาะสมกับคุณได้ทาง แอปพลิเคชันศรีสวัสดิ์ หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ ศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ กว่า 5,500 สาขาทั่วประเทศ โทร 1652 หรือ LINE Official @srisawad